รายละเอียด

เรื่องย่อ

เพทายปิติญาณ (พิงกี้-สาวิกา ไชยเดช) มักจะฝันเห็นตัวเองในชุดไทยโบราณ และเหตุการณ์ที่ตัวเองถูกฆ่าตายอยู่เสมอ เธอเป็นนักโบราณคดีประจำพิพิธภัณฑ์ที่คร่ำหวอดในวงการมานาน เนื่องด้วย ปุระ พ่อของเธอเป็นนักโบราณคดีที่มีความช่ำชองและเชี่ยวชาญ เธอจึงได้วิชาจากพ่อของเธอมาเต็มๆ เธอเป็นคนฉลาด จริงจัง จริงใจ เชี่ยวชาญในวัตถุโบราณมาก สนใจศึกษาค้นคว้าเรื่องโบราณคดีมาตั้งแต่ยังเด็ก เป็นคนที่ไม่ตัดสินคนจากภายนอก และให้โอกาสคนอื่นเสมอ

เพทายได้รับการติดต่อจาก อัศวิน ขุนคีรี (มังกร-ปภาวิน หงส์ขจร) ตำรวจหนุ่มไฟแรงประจำหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามการค้าวัตถุโบราณให้ตรวจสอบวัตถุโบราณที่อยู่ในครอบครองของเสี่ยรายหนึ่ง เขาเป็นตำรวจหนุ่มที่กล้าหาญ ซื่อสัตย์จริงจังต่อหน้าที่ เป็นคนทื่อๆ ที่ใช้เป็นแต่ทฤษฎี แต่ใช้ความรู้สึกไม่เป็น ไม่มีเซ้นส์เรื่องการแยกของจริงของปลอม ดูหม้อไหยังไงก็ไม่เห็นความสวย รู้แต่การทำตามหน้าที่อย่างตรงๆ แต่เมื่อเพทายตรวจสอบดูก็พบว่าเป็นของปลอม ทำให้เสี่ยโกรธจัดและสั่งให้ลูกน้องไปจับตัวคนที่ย้อมแมวเสี่ยมาลงโทษ นักย้อมแมวผู้นั้นคือ สองภพ บุตรดารา(อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม) นักค้าวัตถุโบราณจอมเจ้าเล่ห์ หรือที่รู้จักกันในวงการว่า โปรเถื่อน เขาใช้ความเจ้าเล่ห์หลอกล่อให้เสี่ย

สองภพเชื่อว่าเพทายเป็นนักโบราณคดีที่ไม่มีความรู้อะไรเลย จึงพิสูจน์ด้วยการเข้าไปป่วนที่งานสัมมนาที่เธอไปเป็นวิทยากร ซึ่งงานนั้นสองภพก็ใช้ความเจ้าเล่ห์ของเขาเล่นงานจนเพทายไปต่อไม่เป็น สองภพทำกับเพทายได้เจ็บแสบมาก เพทายเกลียดขี้หน้าสองภพโดยไม่ทราบสาเหตุ รู้แต่เพียงว่า เขาคือชายคนเดียวกับที่เธอเห็นในความฝัน และชายผู้นั้นเป็นคนฆ่าเธอ ทั้งสองพบเจอกันอีกหลายครั้ง เพราะทั้งคู่ต่างมีจุดประสงค์ที่คล้ายกันคือ วัตถุโบราณที่เกี่ยวข้องกับ นาคอุษา การพบกันได้ไม่กี่ครั้ง เพทายด่วนตัดสินว่าเขาเป็นคนเลวและเชื่อถือไม่ได้

ความที่สองภพเป็นคนฉลาด ไหวพริบดี เป็นคนมีความทรงจำแบบภาพถ่าย คุณธรรมและศีลธรรมจัดอยู่ในระดับเทาๆ มีเส้นแบ่งในใจที่ยืดหยุ่นได้ระหว่างความดีกับการหาเงิน มีความรู้เรื่องโบราณคดีดีมากแต่รู้แบบครูพักลักจำ เป็นประสบการณ์ของเด็กกำพร้าที่โตมาในบ้านเด็กกำพร้าของรัชวี อาชีพการซื้อขายของในวงการโบราณวัตถุ ทั้งของจริงและของเก๊ โดยเฉพาะของเก๊ เขาผลิตเองได้เนียนมาก มีความฝันอยากเป็นศิลปินที่คนยอมรับในฝีมือการทำของปลอม

ในการทำงานของอัศวินมี สกาย ไววินิจ (เทียน-อัจฉรี บัวเขียว) ตำรวจสาวสายลุย ว่องไว ชอบความท้าทาย ซ่อนความหวาน อ่อนไหวใต้ความห้าวและความดุดัน เดิมทีทำงานในสายธุรการ แต่คิดว่านั่นเป็นการโดนเหยียดเพศ จนหัวหน้าต้องย้ายไปอยู่สายลุยจะให้เข็ด แต่สกายบอกใช่เลยสกายปิ๊งอัศวิน แต่อัศวินมองเธอเหมือนตำรวจเก่งๆ คนหนึ่งทั่วไป ถ้ามีโอกาสสกายก็มักจะโชว์ความเป็นหญิงให้อัศวินดู แต่ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่

กลุ่มนักค้าวัตถุโบราณมี มาดามโอ (ฌาร์ม โอสถานนท์) หญิงสาวใหญ่ มาดนางพญา สวย เฉียบ ฉลาด เป็นหัวหน้าองก์การค้าขายโบราณวัตถุระดับอินเตอร์ ที่อยู่เบื้องหลังคนใหญ่คนโตในวงการวัตถุโบราณ มีอิทธิพล แอบชอบสองภพ เพราะทั้งคู่เคยใช้ชีวิตด้วยกันในวัยเด็กเธอมี เหมยลี่ (ปุ๊กปิ๊ก-ฌอร์ลชัญวรรณปกาสิต) สาวทะมัดทะแมง มีไหวพริบด้านการต่อสู้ สู้เก่ง พูดน้อย ต่อยหนัก เป็นบอดี้การ์ดสาว

เมื่อสองภพมีความสนใจในนาคอุษา ขณะเดียวกันก็ต้องการขายวัตถุโบราณเพื่อนำเงินมาจุนเจือที่บ้านเด็กกำพร้าที่ตนเติบโตขึ้นมา แม้ว่า รัชวี แม่บุญธรรมของเด็กๆ ที่บ้านเด็กกำพร้าจะไม่ต้อนรับเขา และไม่อยากรับเงินจากสองภพเลย เพราะผิดหวังที่สองภพทำงานที่ผิดกฎหมายแบบนี้ สองภพจึงได้แต่ปิดทองหลังพระแบบนี้อยู่เรื่อยไป ผู้เติบโตจากบ้านหลังนี้ อาทิ บึ้มกฤษณะ บุตรดารา ( ภูมิ-ภูริพันธ์ ทรัพย์แสงสวัสดิ์) ชายหนุ่ม บึกบึน แข็งแรงมาก แรงเยอะสุดๆ โผงผาง ไม่เกรงใจใคร หลายครั้งเข้าขั้นปากหมา คิดซับซ้อนไม่เป็น แต่มีพรสวรรค์เรื่องการต่อสู้ ไม่ว่าสู้กับสัตว์หรือสู้กับคน ยกเว้นสู้กับผี เป็นคนกลัวผีมาก และ มิ้น (พิม-พิมจันทร์ พิชยะสูตร) เด็กสาวที่โตกับสองภพและบึ้มที่บ้านเด็กกำพร้า สดใส ร่าเริง รักพวกพ้อง คอยช่วยสองภพ และพยายามเป็นกาวใจระหว่างสองภพและรัชวี

ต่อมาเพทายได้มีโอกาสพบกับ บรมชัย นิลปทุมา (ฟลุค-จิระ ด่านบวรเกียรติ) ผู้อำนวยการประจำกองดูแลรักษามรดกฯ ทั้งคู่ประทับใจกันตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เขาทั้งหล่อ รวย เนี้ยบไน้ซ์ เป็นคนมีความรู้เรื่องโบราณคดี เป็นข้าราชการรุ่นใหม่ในกองดูแลรักษามรดกฯ ที่ดูจริงจัง และจริงใจ เปี่ยมล้นด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ

บรมชัยอนุญาตให้เพทายได้ตรวจสอบแผ่นศิลาที่ถูกพบที่ลุ่มแม่น้ำโขงอย่างใกล้ชิด และนั่นทำให้เพทายได้พบเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับนาคอุษา ขณะที่สองภพที่เองก็มาที่กองดูแลรักษามรดกนี้เพื่อชิงเอาแผ่นศิลาออกไป สองภพสามารถชิงได้สำเร็จ แต่พลาดที่เพทายเห็นสองภพเสียก่อน จึงตามไปได้ทัน ทั้งคู่เปิดกล่องที่ใส่แผ่นศิลาด้วยกัน ทำให้โดนกับดักที่อยู่ในกล่อง สองภพรีบช่วยเพทายและหนีไปก่อนที่ตัวเองจะถูกจับได้ สองภพกลับไปหาเพทายอีกครั้ง เพื่อไขปริศนาที่ถูกซ่อนเอาไว้ในแผ่นศิลา และในที่สุดสองภพก็สามารถไขปัญหาได้สำเร็จ และนั่นคือประตูที่เปิดสู่การไปดินแดนนาคอุษา

นาคอุษา ดินแดนที่เต็มไปด้วยความเชื่อที่ว่า เป็นดินแดนทองอุดมสมบูรณ์พูนสุข ภายใต้การคุ้มครองของนาคทั้ง 4 ตระกูล อันได้แก่ วิรูปักษ์นาค เอราปถนาค ฉัพพยาปุตตะนาค และ กัณหาโคตมะนาค นาคที่ช่วยบันดาลความร่มเย็นเป็นสุขให้กับประชาชนชาวนาคอุษา โดยมีธิดานาคผู้ทำหน้าที่บูชาและสื่อสารกับนาคอย่าง พินทรา (พิงกี้-สาวิกา ไชยเดช) เจ้าหญิงแห่งนาคอุษา เป็นลูกสาวคนเดียวของกษัตริย์แห่งนาคอุษา เป็นผู้ดูรักษาหอนาค รู้วิชาการใช้พลังของพญานาค มีสัจจะ หยิ่งในศักดิ์ศรี มีความรับผิดชอบในฐานะเจ้าหญิงดีมาก

แต่แล้วความสงบร่มเย็นก็ต้องพินาศลงเมื่อ เมฆดำ (สมชาย เข็มกลัด) จอมโจรแห่งกาฬหมอก ต้องการเศียรนาคทั้งสี่เพื่อทำให้กาฬหมอกกลายเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่ เมฆดำบุกเข้าทำลายนาคอุษาและจงใจจะตัดเศียรนาค แต่พินทราได้ปกป้องเอาไว้ด้วยชีวิต การเข้ามาของเมฆดำครั้งนี้ ได้รับความช่วยเหลือจากไส้ศึก ที่เป็นคนของนาคอุษาเอง ในเหตุการณ์ชุลมุนนั้น พราหมณ์บวรโชติ (ฟลุค-จิระ ด่านบวรเกียรติ) พราหมณ์นาคอุษาคู่หมั้นของพินทรา ประกาศกร้าวว่า สยุมภู (อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม) ขุนพลนักรบแห่งนาคอุษาที่รักของพินทราว่าเป็นกบฏ ทั้งคู่รักพินทรา สยมภูกล้าหาญ ตรงไปตรงมา แต่พราหมณ์บวรโชติ ลุ่มลึก เก็บความรู้สึกได้ดี

ภาพสุดท้ายของพินทราคือ เห็นสยุมภูพุ่งดาบมาที่ตนเอง และสายตาของเขาดูแข็งกร้าว พินทรามองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวดใจเป็นที่สุด และนาคอุษาก็ล่มสลายไป โดยที่เศียรนาคถูกตัดออก ยกเว้นเพียง กัณหาโคตมะนาค ที่ยังไม่ถูกทำลายเพราะพินทราได้ร่ายคาถาสะกดเอาไว้จากคำสั่งของบรรพบุรุษในอดีต ส่งต่อมายัง ราชสีห์ (สมชาย เข็มกลัด) มาเฟียรุ่นใหม่ที่กำลังจะขึ้นมาเป็นใหญ่ในวงการ เขาคือ เมฆดำในอดีต มีอาวุธลับที่คอยช่วยเหลืออยู่ตลอดคือ นกยูงดำ (นาตยา จันทร์รุ่ง) แม่มดที่ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยเวทย์มนตร์ เธอคือคนเดียวที่มีชีวิตรอดจากเมืองนาคอุษาที่ถล่มทลายในอดีต มาถึงยุคปัจจุบัน หน้าที่คือต้องช่วยทายาทของเมฆดำในการฟื้นฟูกาฬหมอกให้สำเร็จ เธอจึงอยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือราชสีห์มาตลอด มีความจงรักภักดีต่อบ้านเมืองและพวกพ้องของตน ถึงขั้นยอมตายถวายชีวิต เพื่อให้หน้าที่ของตนสำเร็จลุล่วง

ราชสีห์ส่งสายลับคนหนึ่งไปอยู่กับ แฟรงค์ภานุพันธ์ บุชเชอร์ (อ้น-สราวุธ มาตรทอง) เศรษฐีหนุ่มผู้ชื่นชอบการสะสมวัตถุโบราณ ต้องใช้การสะสมโบราณวัตถุที่หายากเพื่อยืนยันความสามารถของตนเอง สายลับคนนั้นคือ ชิลลี่ ชลดา วนวีรกิจ(ณฉัตร-วัลเณซ่า แฮร์มันน์) สาวสวยเซ็กซี่ ที่รักราชสีห์และภักดีต่อเขาอย่างหมดหัวใจ รักในความดิบเถื่อนของราชสีห์ เธอคอยสืบข่าวสาร และขโมยของทุกอย่างตามคำสั่งของราชสีห์ ชลดา ผู้นี้ในอดีตคือ ฉวีลักษณ์ มเหสีผู้เป็นแม่เลี้ยงของพินทรา เป็นไส้ศึกที่ถูกส่งมาจากกาฬหมอกเพื่อล้วงความลับ และสร้างกบฏขึ้นในเมืองนาคอุษา คอยช่วยเหลือเมฆดำเพื่อหวังที่จะเป็นราชินีแห่งกาฬหมอกเคียงข้างราชสีห์ที่มีน้องชายคนหนึ่งชื่อ คำรณ อาสกล ( ต่อ-เรืองฤทธิ์ วิศมล) ตัวลุย พูดน้อย ต่อยหนัก และ สมชาย สีวิลาส (บอย-โชคชัย บุญวรเมธี) บอดี้การ์ดตัวท็อปของแฟรงค์ จริงจัง ดุดัน สู้เก่ง รู้เรื่องการต่อสู้ อาวุธ การเอาตัวรอดในทุกสถานการณ์ รวมถึงรู้เรื่องการแพทย์ที่ต้องช่วยชีวิตคนด้วย

และด้วยความที่แฟรงค์เป็นเพื่อนรักเพื่อนร้ายของสองภพ ทำให้การได้ข่าวสารเกี่ยวกับนาคอุษาและส่งต่อไปยังราชสีห์เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เมื่อเจอเบาะแสแรกที่นำไปสู่นาคอุษาแล้ว ผู้ประสงค์ในนาคอุษาทั้งหลายจึงมุ่งหน้าเข้าสู่แหล่งขุมทรัพย์ ที่จะพาให้พวกเขาได้พบกับนาคอุษา เมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์และเรืองอำนาจ โดยภารกิจในครั้งนี้คือ ต้องตามหาเศียรนาคทั้ง 3 ที่กระจัดกระจายหาแหล่งที่อยู่ชัดเจนไม่เจอ และรวบรวมให้มาอยู่ด้วยกัน เพื่อนำไปสู่เศียรที่ 4 และนาคอุษา พวกเขามุ่งไปสู่การค้นหาโดยที่ไม่รู้เลยว่า อำนาจแห่งนาคทั้ง 4 ที่รออยู่เบื้องหน้า มีอานุภาพที่จะให้ทำให้ชีวิตของพวกเขา ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การผจญภัยเพื่อตามหาขุมทรัพย์ภายใต้ ศรัทธา ความเชื่อ ความโลภ ความกระหาย และหายนะ ได้เริ่มขึ้นแล้วที่... ขุมทรัพย์ลำโขง...